ถ้ำเขาบินตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอเมืองราชบุรีที่เป็นรอยต่อกับท้องที่อำเภอจอมบึง โดยอยู่ห่างจากตัวจังหวัดราชบุรีไปตามถนนสายราชบุรี - จอมบึง ประมาณ 20 กิโลเมตร
ประวัติที่มาของถ้ำเขาบิน มีผู้ให้คำสันนิษฐานเป็นสองความเห็นด้วยกัน ความเห็นแรกเป็นเรื่องเล่าว่า มีพ่อค้าชาวจีนแล่นเรือสำเภาใหญ่ผ่านมา แล้วเรือเกิดชนหัวเขาด้านหนึ่งบิ่นไป ชื่อถ้ำเขาบินจึงคงเรียกเพี้ยนมาจากคำว่า “เขาบิ่น” ส่วนความเห็นที่สองเห็นว่า คงมาจากห้องหนึ่งภายในถ้ำมีหินย้่นไป ชื่อถ้ำเรื่องเล่าว่า มีพ่อค้าชาวจีนแล่นเรือสำเอยสีขาวหม่นยื่นออกมาเหมือนนกเขากำลังกระพือปีกจะบิน ที่ตั้งของถ้ำเขาบินอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 272 เมตร ปากถ้ำสูงจากพื้นดินประมาณ 5 เมตร เนื้อที่ภายในถ้ำมีประมาณ 5 ไร่เศษ จากปากถ้ำถึงบริเวณลึกสุดมีความยาวประมาณ 500 เมตร บริเวณภายในถ้ำสามารถแบ่งออกเป็นถ้ำหรือคูหาใหญ่ๆ ได้ทั้งหมด 8 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องได้มีการตั้งชื่อตามสภาพของหินงอกหินย้อยให้คล้องจองกันตามลำดับ โดยห้องแรกเป็นบริเวณกว้างที่นักท่องเที่ยวมารวมกัน เมื่อก้าวเข้ามาจากปากถ้ำ ซึ่งประดับด้วยหินงอกหินย้อยรูปทรงต่างๆ กันได้ตั้งชื่อว่า “โถงอาคันตุกะ” ห้องที่สองเป็นบริเวณที่มีหินงอกหินย้อยรูปทรงคล้ายริ้วของผ้าม่าน รูปกลีบมะเฟืองงดงาม จึงมีการตั้งชื่อว่า “ศิวะสถาน” ห้องที่สามเป็นบริเวณที่มีธารน้ำไหลผ่านจนทำให้หินงอกหินย้อยบริเวณนี้มีลักษณะคล้ายน้ำตก และลำธารก็ได้มีการตั้งชื่อว่า “ธารอโนดาษ” ห้องที่สี่อันเป็นที่มาของชื่อถ้ำเขาบินมีลักษณะของหินงอกหินย้อยคล้ายนกกำลังบิน มีการตั้งชื่อว่า “สกุณชาติคูหา” ห้องที่ห้าหินงอกหินย้อยมีลักษณะคล้ายเวทีที่มีฉากหลังท่ามกลางบรรยากาศโอ่อ่าราวกับห้องประชุม หรือสโมสร จึงมีการตั้งชื่อว่า “เทวสภาสโมสร” ส่วนห้องที่หกที่อยู่ในบริเวณท้ายสุดของถ้ำ และมีบ่อน้ำแร่ขนาดเล็กที่น้ำไม่เคยเหือดแห้งจนชาวบ้านเชื่อว่า เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในมีการตั้งชื่อว่า “กินนรทัศนา” ห้องที่เจ็ดเป็นบริเวณที่มีหินงอกหินย้อยมีลักษณะคล้ายกับต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากจึงตั้งชื่อว่า “พฤกษาหิมพานต์” และห้องสุดท้ายเนื่องจากหินงอกหินย้อยมีลักษณะรูปทรงคล้ายเหล่าฤาษี งู และดอกไม้นาๆชนิด ก็ได้ตั้งชื่อว่า “อุทยานทวยเทพ” ตามลำดับ
ประวัติที่มาของถ้ำเขาบิน มีผู้ให้คำสันนิษฐานเป็นสองความเห็นด้วยกัน ความเห็นแรกเป็นเรื่องเล่าว่า มีพ่อค้าชาวจีนแล่นเรือสำเภาใหญ่ผ่านมา แล้วเรือเกิดชนหัวเขาด้านหนึ่งบิ่นไป ชื่อถ้ำเขาบินจึงคงเรียกเพี้ยนมาจากคำว่า “เขาบิ่น” ส่วนความเห็นที่สองเห็นว่า คงมาจากห้องหนึ่งภายในถ้ำมีหินย้่นไป ชื่อถ้ำเรื่องเล่าว่า มีพ่อค้าชาวจีนแล่นเรือสำเอยสีขาวหม่นยื่นออกมาเหมือนนกเขากำลังกระพือปีกจะบิน ที่ตั้งของถ้ำเขาบินอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 272 เมตร ปากถ้ำสูงจากพื้นดินประมาณ 5 เมตร เนื้อที่ภายในถ้ำมีประมาณ 5 ไร่เศษ จากปากถ้ำถึงบริเวณลึกสุดมีความยาวประมาณ 500 เมตร บริเวณภายในถ้ำสามารถแบ่งออกเป็นถ้ำหรือคูหาใหญ่ๆ ได้ทั้งหมด 8 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องได้มีการตั้งชื่อตามสภาพของหินงอกหินย้อยให้คล้องจองกันตามลำดับ โดยห้องแรกเป็นบริเวณกว้างที่นักท่องเที่ยวมารวมกัน เมื่อก้าวเข้ามาจากปากถ้ำ ซึ่งประดับด้วยหินงอกหินย้อยรูปทรงต่างๆ กันได้ตั้งชื่อว่า “โถงอาคันตุกะ” ห้องที่สองเป็นบริเวณที่มีหินงอกหินย้อยรูปทรงคล้ายริ้วของผ้าม่าน รูปกลีบมะเฟืองงดงาม จึงมีการตั้งชื่อว่า “ศิวะสถาน” ห้องที่สามเป็นบริเวณที่มีธารน้ำไหลผ่านจนทำให้หินงอกหินย้อยบริเวณนี้มีลักษณะคล้ายน้ำตก และลำธารก็ได้มีการตั้งชื่อว่า “ธารอโนดาษ” ห้องที่สี่อันเป็นที่มาของชื่อถ้ำเขาบินมีลักษณะของหินงอกหินย้อยคล้ายนกกำลังบิน มีการตั้งชื่อว่า “สกุณชาติคูหา” ห้องที่ห้าหินงอกหินย้อยมีลักษณะคล้ายเวทีที่มีฉากหลังท่ามกลางบรรยากาศโอ่อ่าราวกับห้องประชุม หรือสโมสร จึงมีการตั้งชื่อว่า “เทวสภาสโมสร” ส่วนห้องที่หกที่อยู่ในบริเวณท้ายสุดของถ้ำ และมีบ่อน้ำแร่ขนาดเล็กที่น้ำไม่เคยเหือดแห้งจนชาวบ้านเชื่อว่า เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในมีการตั้งชื่อว่า “กินนรทัศนา” ห้องที่เจ็ดเป็นบริเวณที่มีหินงอกหินย้อยมีลักษณะคล้ายกับต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากจึงตั้งชื่อว่า “พฤกษาหิมพานต์” และห้องสุดท้ายเนื่องจากหินงอกหินย้อยมีลักษณะรูปทรงคล้ายเหล่าฤาษี งู และดอกไม้นาๆชนิด ก็ได้ตั้งชื่อว่า “อุทยานทวยเทพ” ตามลำดับ
ภาพ- ภัทรพงศ์ / สุชาติ
เนื้อหา- คมปิยะ
บรรยาย- อ้อยกานต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น